หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อซีรีย์เรื่อง Jumong "จูมง...มหาบุรุษกู้บัลลังก์"



จากตำนานสะท้านแผ่นดิน
ถ่ายทอดและดัดแปลงมาเป็นซีรีส์
อิงประวัติศาสตร์ยอดนิยมแห่งเกาหลี
"จูมง...มหาบุรุษกู้บัลลังก์"
ที่แสดงให้เราได้เห็นหลายๆมุมของ
จูมง ทั้งในแง่มุมของความรัก
ความกล้าหาญ อุดมการณ์ และความเข้มแข็ง

จูมง เป็นบุตรของ ยูฮวา หญิงสาวชาวฮาแบ
และ แฮโมซู ชาวโชซอนโบราณผู้รักชาติเหนือสิ่งอื่นใด
เมื่อผู้เป็นบิดาได้จากเขาไป เขาจำต้องดำเนินชีวิตอยู่
ท่ามกลางความอิจฉาริษยา และ
แก่งแย่งชิงดีในครอบครัวที่ไม่ใช่ของตน
โดยเฉพาะจากเทโซ บุตรของ กึมวา
พระราชาแห่งแคว้นพูยอผู้ชุบเลี้ยง จูมง มาตั้งแต่เกิด
จูมง ในซีรีส์ได้พบรักกับ โซซอโน สาวชาวบ้าน
แต่ความรักนั้นกลับประสบอุปสรรคมากมายให้ต้องฟันฝ่า
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เทโซ นอกจากเรื่องราวของความรักแล้ว
เขายังต้องทุ่มเททุกอย่าง เพื่อปกป้องแผ่นดินอันเป็นที่รักของเขาจากอริราชศัตรู

เรื่องย่อซีรีย์เกาหลีเรื่อง "The Legend - ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์"


เรื่องย่อ


ซีรีย์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าทั้งสี่คือ อูลซา (มังกรฟ้า) ,พองแบ๊ค (พยัคฆ์ขาว),โอซา (เต่าคะนอง),เซอู (นกเพลิง) กับเจ้านาย คือถัมด๊อก กษัตริย์องค์ที่ 19 แห่งอาณาจักรโคกุรยอผู้ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ ซึ่งเมื่อ 2000 ปีก่อน ถัมด๊อกคือ โอรสแห่งสวรรค์ ฮวานอุงที่ถูกส่งลงมา เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ พร้อมด้วย 3 เทพประจำพระองค์คือมังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว และ เต่าคะนอง แต่ได้มีนักบวชสาวที่เก่งกาจของเผ่าเสือชื่อคาจินได้ถูกเลือกให้สืบทอดพลังอัคคี และได้รับคำสั่งให้สังหารฮวานอุง สงครามระหว่างเผ่าเสือ กับฮวานอุงจึงเกิดขึ้น ในขณะนั้นมีธิดาแห่งเผ่าหมีชื่อเซอู เพียงผู้เดียวที่สามารถต้านทานคาจินได้ ผลจากสงครามทำให้มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ฮวานอุงจึงตัดสินใจยุติสงคราม โดยเอาพลังอัคคีที่อยู่ในตัวคาจินออกมาไว้ในลูกแก้ว และมอบพลังนี้ให้กับเซอู โดยแต่งตั้งให้นางเป็นเทพเจ้าองค์ที่ 4 คือ นกเพลิงสีแดง นั่นคือวินาทีที่เทพทั้ง 4 ได้อุบัติขึ้น



เซอูคือหญิงที่ฮวานอุงหลงรัก ตั้งแต่มายังโลกเธอจึงถูกเลือกให้อุ้มท้องลูกของฮวานอุง ซึ่งทำให้คาจินโกรธแค้น และอิจฉาริษยาเธอเป็นยิ่งนัก คาจินจึงชิงตัวลูกของเธอ และโยนทิ้งลงเหวไป แต่ฮวานอุงมาช่วยลูกไว้ทันด้วยพลังแห่งความโกรธแค้นทำให้เซอู ไม่สามารถควบคุมพลังในลูกแก้วได้ เธอจึงกลายร่างจากนกเพลิงแดง กลายเป็นนกเพลิงสีดำ เพื่อทำลายล้างโลกและมีพลังเกินกว่าเทพทั้ง 3 องค์คือ อูลซา (มังกรฟ้า) พองแบ๊ค (พยัคฆ์ขาว) โอซา (เต่าคะนอง) จะต้านทานได้ จึงมีฮวานอุงเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะจัดการกับนางได้ฮวานอุงจำใจต้องสังหารเซอูหญิงอันเป็นที่รัก ที่กลายร่างเป็นนกเพลิงสีดำด้วยมือตัวเอง ทำให้ฮวานอุงเสียใจมาก เค้าจึงตัดสินใจปิดผนึกพลังของเทพเจ้าทั้ง 4 ไว้เพื่อรอการกับมาอีกครั้ง แล้วทั้งคนทั้งเทพในอดีตทั้งหมด ก็โคจรกับมาพบกันอีกครั้งในอีก 2000 ปีต่อมา

เรื่องย่อซีรีย์เกาหลีเรื่อง "Lee San, Wind of the Palace - ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน"



ปลายศตวรรษที่สิบแปด พระเจ้าจองโจ (ลีซาน) พระราชาลำดับที่ยี่สิบสองของราชวงศ์โชซอน ประวัติศาสตร์ห้าร้อยปีของราชวงศ์โชซอน พระเจ้าจองโจ นับว่าเป็นพระราชาที่ทรงประสบมรสุมและปัญหาต่าง ๆ มากที่สุดพระองค์หนึ่ง พระองค์ทรงเป็นพระราชาที่มีความคิดก้าวหน้า เป็นพระราชาทีทรงใช้กประชาธิปไตยน้อมนำประชา เป็นพระเจ้าที่ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นพระเจ้าที่เป็นที่รักของราษฎรมากที่ สุด ผู้ปกครองอาณาจักรด้วยความโอบอ้อมอารี พระองค์มีความพยายามที่จะการปฎิรูปและปรับปรุงประเทศชาติ

ในภาพยนตร์ชุดเกาหลี เรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการรอคอยและอุปสรรค ความสำเร็จและความล้มเหลว ตลอดจนความรักที่สมหวังและผิดหวังพระเจ้าจองโจทรงเป็นพระราชาที่ทรงปรีชาสามารในด้านการปกครอง พระองค์ทรงสลายความบาดหมางของกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ที่สั่งสมมานานนับร้อยปีลงได้ ทางด้านเศรษฐกิจ พระเจ้าจองโจทรงบุกเบิกเศรษฐกิจแนวใหม่ ซึ่งนับว่าแปลกใหม่ในศตรวรรษที่สิบแปดก็ว่าได้ ในเรื่องของการศึกสงคราม พระเจ้าจองโจทรงสร้างความแข็งแกร่งเกรียงไกรให้กับกองทัพสร้างความเป็นปึก แผ่นให้ชาติบ้านเมือง

หนังเกาหลีไม่ได้มีดีแค่หนังรัก


ต้องยอมรับกันว่าเดี๋ยวนี้ในบ้านเราหันไปทางไหนก็มีแต่กระแส “เกาหลีฟีเวอร์” ทั้งเรื่องภาษา อาหารการกิน ดารานักร้อง รวมไปถึงบรรดาซีรี่ย์ที่คนไทยต่างติดกันงอมแงม ซึ่งนั่นก็เอื้อให้บรรดาหนังใหญ่ๆของเกาหลีได้พาเรดเข้ามาฉายในเมืองไทย แต่ก็มีเรื่องแปลก นั่นคือหนังใหญ่ของเกาหลีที่เข้าฉายในบ้านเรา แม้บางเรื่องจะดูฟอร์มแล้วน่าจะกวาดรายได้ไปเยอะ แต่ผิดคาดกลับทำรายได้อย่างน่าผิดหวัง ในขณะที่พวกซีรี่ย์กลับมีคนดูอย่างล้นหลาม ความจริงหนังเกาหลีก็ไม่ใช่จะเป็นหนังที่ไม่มีคุณภาพ แต่อาจเป็นเพราะเหล่าซีรี่ย์ส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมักจะเป็นแนวโรแมนติกเลยทำให้คนไทยส่วนใหญ่ติดภาพลักษณ์ของซีรี่ย์และหนังโรงว่าหนังเกาหลีมีดีแต่หนังรักเท่านั้น และกลุ่มคนดูหนังเกาหลีอย่างจริงจังก็ยังมีปริมาณที่ไม่มากนัก นี่อาจเป็นสาเหตุที่หนังโรงของเกาหลีที่เข้ามาฉายในบ้านเรานั้น ไม่ประสบความสำเร็จแบบจริงๆจังๆเสียที
ปัญหาก็คือจริงๆแล้วหนังเกาหลีมีความหลากหลายมากๆเลยทีเดียวเช่นหนังการเมือง,แอ็กชั่น,สยองขวัญ,ดราม่า ไปจนถึงหนังสัตว์ประหลาดบุกเมืองกันเลยทีเดียว ซึ่งหนังประเภทเหล่านี้ของเกาหลีบางเรื่อง ก็จัดอยู่ในขั้นน่าดูมากๆไปจนถึงขั้นห้ามพลาดกันเลย ดังนั้นผมจึงอยากจะขอแนะนำหนังเกาหลีดีๆที่ไม่ใช่หนังรัก มานำเสนอกับท่านผู้อ่าน เผื่อว่าท่านอาจกำลังจะเลี่ยนกับหนังรักหรือซีรี่ย์แนวรักๆกุ๊กกิ๊กๆอยู่ ก็ลองหาหนังที่ผมแนะนำต่อไปนี้มาดูได้(และหนังเกาหลีที่จะแนะนำต่อไปนี้ขอบอกว่าเป็นเพียงส่วนเล็กๆของหนังเกาหลีที่เจ๋งๆเท่านั้นเอง) แล้วท่านจะรู้ว่าหนังเกาหลีไม่ได้มีดีแค่หนังรักจริงๆ
























1.The City of Violence : โหดคู่ สู้ไม่ถอย (2000)
ผู้กำกับ : ริวซึงวัน
นักแสดงนำ : จองดูฮอง,ริวซึงวัน,ลีบัมซู
หลังจากที่กำกับหนังแอ็กชั่นอินดี้ๆที่มีคิวบู๊แบบสมจริงและดิบเถื่อนอย่าง “Die Bad ทรชนคนอันตราย”(2000)และหนังแอ็กชั่นวุ่นๆของสองสาวใน “No Blood No Tears สาวป่วนแสบสะท้านโลก”(2002) หลังจากหนังสองเรื่องนี้ “ริวซึงวัน” ก็โด่งดังในฐานะคนทำหนังแอ็กชั่นคิวบู๊มันๆ ซึ่งหลังจากที่เขาทำหนังเรื่อง “Arahan ศึกทะยาน กวดวิชาถล่มมาร”(2004) หนังแอ็กชั่นปนตลก แฟนของเขาก็ต่างเรียกร้องให้เขากลับมาทำหนังที่มีคิวบู๊มันๆเน้นๆ อีกครั้ง เขาจึงทำหนังเรื่อง “The City of Violence โหดคู่ สู้ไม่ถอย” ขึ้นมา
The City of Violence เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่อาศัยอยู่ในเมืองๆหนึ่ง พอพวกเขาเติบโตต่างก็แยกย้ายกันไป แล้วก็มีเหตุที่ทำให้เหล่าเพื่อนกลุ่มนี้ต้องมารวมตัวกันอีกครั้งเมื่อ สมาชิกในกลุ่มถูกฆ่าตายอย่างน่าสงสัย
หนังเรื่องนี้ในบางฉากก็มีการใส่ดนตรีและการถ่ายภาพแบบหนังคาวบอย ซึ่งหนังคาวบอยก็มักจะมีเมืองๆหนึ่งที่มักจะเป็นเมืองที่อันตราย ไม่น่าไว้วางใจ มีความรุนแรงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แล้ว The City of Violence ก็ใช้ดนตรีและถ่ายภาพให้ออกมาคล้ายๆกับหนังควาบอย ซึ่งก็เข้ากับเรื่องราวในหนังที่นำเสนอถึงเมืองที่อันตรายได้เป็นอย่างดี และที่เด่นสุดๆของหนังเรื่องนี้เหล่าฉากแอ็กชั่นที่มีคิวบู๊ที่หนักแน่นและจริงจัง จนคนดูสามารถรู้สึกตามตัวละครได้เลย


























2.Silmido:เกณฑ์เจ้าพ่อไปเป็นทหาร (2003)
ผู้กำกับ: คัง วู ซก
นักแสดงนำ : อาน ชองจี,โซล จียอง,ฮีโอ
เกาหลีมีสูตรเด็ดในการทำหนังให้ได้รายได้แบบถล่มทลายในเกาหลี นั่นคือการหยิบเรื่องราวระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้มาทำเป็นหนัง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่อิงมาจากเรื่องจริงจะยิ่งทำเงินมากยิ่งขึ้น และหนังเรื่อง “Silmido เกณฑ์เจ้าพ่อไปเป็นทหาร” ก็เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ใช้สูตรนั้น
หนังอิงมาจากเรื่องจริงของเรื่องราว 30 ปีที่ผ่านมา เมื่อเกาหลีเหนือส่งหน่วยสังหารหมายจะลอบสังหารประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ แต่ทำไม่สำเร็จ แต่นั่นก็ทำให้เกาหลีใต้คิดตอบโต้ โดยการนำเหล่านักโทษที่เป็นเหล่ามาเฟียมาฝึกให้เป็นสุดยอดนักฆ่าเพื่อนำหน่วยสังหารนี้ไปลอบสังหารผู้นำของเกาหลีเหนือเป็นการเอาคืน
Silmido มาในโทนหนังแอ็กชั่นทหาร แบบให้เห็นการฝึกเป็นนักฆ่าว่าต้องทรหด และอดทนกันขนาดไหน ซึ่งหนังก็ทำออกมาได้ดูสนุกและมันส์มากๆ และหนังยังแสดงให้เห็นความผูกพันของเหล่ามาเฟียที่พาโดนมาฝึก ว่าพวกเขามีน้ำหนึ่งใจเดียวกันขนาดไหน






























3. R-Point: สมรภูมิผี (2004)
ผู้กำกับ : คง ซู ชาง
นักแสดงนำ : คัม วู ซอง,ซอน เบยองโฮ,โอ เท
หนังแนวผีๆสางๆ ประเทศเกาหลี ก็ผลิตออกมาบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีคุณภาพซะเท่าไหร่ แต่ก็มีหนังเรื่องผีอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือหนังเรื่อง “R-Point สมรภูมิผี”
R-Point นำเสนอกองกำลังทหารกองหนึ่งที่ที่เข้าไปสำรวจในพื้นที่เขต R-Point ในเวียดนาม หลังจากมีเสียงวิทยุขอความช่วยเหลือจากที่นั่น ซึ่งความเป็นจริงไม่น่าเป็นไปได้ ในเมื่อทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้ตายไปหมดแล้ว!
หนังใช้ฉากหลังอยู่ในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งหนังสามารถใช้ความน่ากลัวของสถานที่ในสถานที่เกิดเหตุ(เข้าใจว่าเป็นป่าช้า)ได้อย่างเป็นประโยชน์ จนสามารถทำให้หนังเล่นกับความน่ากลัวของฉากหลังได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หนังยังสามารถคุมจังหวะให้ระทึกและเสียวสันหลังได้ดีมากๆ(อาจจะเป๋ๆบ้างในตอนท้ายๆ) ล่าสุดผู้กำกับ “คง ซู ชาง” ยังคงสร้างหนังผีผสมหนังทหารเหมือนเดิมกับ “G.P. 506”คราวนี้เขาทำให้ทหารต้องผจญกับทหารที่กลายเป็นซอมบี้นักสังหารกันเลย! หนังเข้าฉายหลายประเทศแต่ไม่รู้จะเข้าฉายในไทยหรือไม่ ต้องรอลุ้น)
























4. JSA: Joint Security Area: สงคราม เกียรติยศ มิตรภาพ เหนือพรมแดน (2000)
ผู้กำกับ : พักชานวุค
นักแสดงนำ : ลียองเอ,ซองกังโฮ,ชิน ฮาคุน
ก่อนที่จะมาโด่งดังในระดับนานาชาติกับ “Old Boy เคลียร์บัญชีแค้น จิตโหด!”(2003) ผู้กำกับ “พักชานวุค” เคยทำหนังที่สามารถทำรายได้สูงมากเรื่องหนึ่งในเกาหลี โดยใช้สูตร “เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้” เหมือนกัน นั่นคือเรื่อง “JSA: Joint Security Area สงคราม เกียรติยศ มิตรภาพ เหนือพรมแดน” นั่นเอง
JSA: Joint Security Area เป็นเรื่องราวของความความผูกพัน และความขัดแย้งของสองชาติระหว่าง เกาหลีเหนือ กับ เกาหลีใต้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารของทั้งสองชาติ ที่เขตปลอดทหารที่เรียกว่า “JSA” ที่เป็นเส้นกันแบ่งแดนระหว่างสองชาติ แต่การปะทะครั้งนี้ เมื่อยิ่งสืบสาวราวเรื่องเท่าไหร่ ก็จะพบเรื่องความราวมิตรภาพของคนจากสองสัญชาติที่ลึกๆแล้วเขาคือพี่น้องร่วมชาติกันมาก่อน
หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องในแบบค่อยๆเปิดเผยประเด็นปมสำคัญของหนัง ซึ่งหนังก็ทำออกมาได้ดีมากๆ รวมทั้งหนังยังสอดแทรกเรื่องความเป็นพี่น้องร่วมชาติระหว่างคนเกาหลีเหนือกับคนเกาหลีใต้มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ และหนังยังมีการแสดงชั้นดีของนักแสดงแถวหน้าของเกาหลีทั้ง “ลียองเอ” กับ “ซองกังโฮ” อีกด้วย


































5. Spring,Summer Fall,Winter and Spring: วงจรชีวิต กิเลสมนุษย์ (2003)
ผู้กำกับ : คิมคีดุ๊ค
นักแสดงนำ : ยอง คี คิม, ยองซู
“คิมคีดุ๊ค” เป็นผู้กำกับที่ค่อนข้างอาภัพมากๆในเกาหลี ทั้งฝั่งคนดู(หนังของเขาเป็นหนังที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ยาก)และฝั่งนักวิจารณ์(ที่เริ่มเบื่อกับสไตล์หนังของเขา) แต่ในระดับนานาชาติแล้วหนังของเขายังเป็นที่ป็อปปูล่าในหมู่คนต่างชาติมากๆ ซึ่งสำหรับหนังเรื่อง “Spring,Summer Fall,Winter and Spring วงจรชีวิต กิเลสมนุษย์” นี้เป็นหนังที่เกือบทุกคนลงความเห็นว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดของเขา
Spring,Summer Fall,Winter and Spring เป็นเรื่องราวของพระหนุ่มคนหนึ่งที่ได้แอบได้เสียกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็หลบหนีออกจากวัด เพื่อใช้ชีวิตในทางโลก แล้วเขาก็พบว่าชีวิตทางโลกนั้นน่ากลัวขนาดไหน แล้วบางทีชีวิตแบบทางธรรมอาจจะเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว
หนังมีจังหวะการดำเนินเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป และหนังเน้นใช้การเล่าเรื่องด้วยภาพ มากกว่าที่จะใช้บทสนทนา นี่เป็นหนังที่มีความคมคายเป็นอย่างมากในการใช้ฤดูกาลมาเปรียบกับชีวิตของมนุษย์ และหนังยังอิงจาหลักธรรมของศาสนาพุทธได้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
----------------------------------------------------------